กระชายดำโสมไทยคุณค่าใกล้ตัว
กระชายดำ (โสมไทยหรือโสมกระชายดำ) ชื่อสามัญ Black galingale เป็นพืชในวงศ์เดียวกับ กระชาย ข่า ขิง และขมิ้น (Zingiberaceae) มีลักษณะเป็นเหง้ารูปทรงกลม เรียงต่อกัน มักมีขนาดเท่าๆกัน ผิวเหง้าสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม เนื้อภายในสีม่วงอ่อน ม่วงเข้ม จนถึงสีม่วงดำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติขมเล็กน้อย ในบางท้องถิ่นอาจเรียก ว่านจังงัง ว่านพญานกยูง ว่านกั้นบัง ว่านกำบัง ว่านกำบังภัย กะแอน ระแอน (ภาคเหนือ) ขิงทราย (มหาสารคาม) มีความเชื่อว่าสีของเนื้อในเหง้าเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของกระชายดำ ในทางการค้าจึงมักนิยมกระชายดำมีเนื้อในเหง้าสีม่วงเข้มซึ่งเชื่อว่ามีคุณภาพดี ถ้าเนื้อเป็นสีม่วงอ่อนจะถูกคัดไปเป็นกระชายม่วงซึ่งเชื่อว่าคุณภาพด้อยกว่า
ในตำรายาไทยได้นำกระชายดำมาบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อยและอาการเหนื่อยล้า และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ (เชื่อว่าช่วยบำรุงสมรรถภาพทางเพศชาย) แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง หรือโขลกกับเหล้าขาวคั้นน้ำดื่ม แก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ในการใช้แบบพื้นบ้าน จะนำมาทำเป็นยาลูกกลอน โดยเอาผงแห้งมาผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน หรือทำเป็นยาดองเหล้าและดองน้ำผึ้ง แต่ในปัจจุบันนี้จะพบเห็นผลิตภัณฑ์ของกระชายดำวางจำหน่ายในท้องตลาด ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ชาชง ยาแคปซูล ยาน้ำ ยาเม็ด กาแฟ และไวน์กระชายดำ ซึ่งเป็นที่นิยมมาก
องค์ประกอบทางเคมี:
เหง้าประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหย สารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) กลุ่มฟลาโวน (flavones) กลุ่มสารแอนโทไซยานิน (antho-cyanins) และสารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds) อื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีเข้ม จะมีปริมาณสารฟีนอลิกรวมและสารฟลาโวนอยด์สูงกว่าพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีจาง ส่วนพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีจาง จะมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงกว่าพันธุ์ที่มีสีเข้ม
ประโยชน์ของกระชายดำต่อสุขภาพ
1.บำรุงสมรรถภาพทางเพศชาย
การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับฤทธิ์ทางชีวภาพและเภสัชวิทยาของกระชายดำพบว่าสารสกัดเอทานอลจากเหง้ามีผลทำให้พฤติกรรมทางเพศในกลุ่มทดลองดีขึ้น และมีผลด้านน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นต่ออวัยวะสืบพันธุ์และกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ มีฤทธิ์ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบองคชาต (carvernosum) และกล้ามเนื้อเรียบอวัยวะเพศผู้ของคนที่ได้จากการผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว เลือดจึงไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ดี ทำให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัว นอกจากนี้สารสกัดเอทานอลและสารกลุ่มฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase ทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดคลายตัวและขยาย เลือดจึงไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ดี
2. ปกป้องหัวใจให้ทำงานดีขึ้น
การศึกษาผลของสารสกัดจากกระชายดำที่สกัดด้วยเอทานอลต่อการทำงานของหลอดเลือดแดงใหญ่และหัวใจ ทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่ขยายตัว โดยการคลายตัวของหลอดเลือดเปลี่ยนแปลงตามความเข้มข้นของสารสกัดที่เพิ่มขึ้น การศึกษากลไกของสารสกัดจากกระชายดำต่อการขยายตัวของหลอดเลือดแดงพบว่าสารสกัดจากกระชายดำออกฤทธิ์ต่อเซลล์เอนโดทีเลียม (endothelium) โดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ 3 ชนิดที่มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด สารสกัดจากกระชายดำยังออกฤทธิ์ต่อเซลล์กล้ามเนื้อเรียบ*โดยตรง โดยยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมไอออนเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเรียบ* ซึ่งส่งผลให้หลอดเหลือดขยายตัวตามมา นอกจากนี้สารสกัดจากกระชายดำยังลดอนุมูลอิสระอีกด้วย
3. ป้องกันการเกิดโรคอ้วนลงพุง
สารสกัดethyl acetate จากกระชายดำ ช่วยป้องกันการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักลดไขมันสะสมในช่องท้อง ป้องกันการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ความดันโลหิตสูง และลดไขมันสะสมในตับนอกจากนี้ยังช่วยลดน้ำหนักและปริมาณการกินอาหารอีกด้วย
4.ป้องกันเซลล์ประสาทของกระชายดำ
ได้มีการทดสอบฤทธิ์ในการป้องกันเซลล์ประสาท โดยทดลองในเซลล์ประสาทเพาะเลี้ยง (cortical cells) ของหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดพิษด้วยกลูตาเมท พบว่าสารสกัด 5-Hydroxy-3,7,3′,4′-tetramethoxyflavone ในกระชายดำมีฤทธิ์ดีในการป้องกันเซลล์ประสาท
5. ลดการเสื่อมของข้อเข่าได้
พบว่าสารสกัดกระชายดำมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยลดการแสดงออกของยีน metalloproteinase (MMP1) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายคอลลาเจนและมิวโคพอลีแซคคาไรด์ในกระดูกอ่อน สรุปได้ว่าสารสกัดกระชายดำมีผลช่วยลดการเสื่อมของข้อเข่าได้ โดยมีกลไกหนึ่งมาจากการยับยั้งเอนไซม์ MMPs ของสารที่เป็นองค์ประกอบ คือ 5,7-dimethoxyfla-vone และ 5,7,4′-trimethoxyflavone ที่อยู่ในกระชายดำ
6.ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1
การศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ของสารสกัด 95% เอทานอลและสารสกัดน้ำจากสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ใบฟ้าทะลายโจร เหง้าขมิ้นชัน ใบปัญจขันธ์ เหง้ากระชายดำ และใบฝรั่ง พบว่าสารสกัด 95% เอทานอลและสารสกัดน้ำจากสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส H5N1 ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยสารสกัดเหง้าขมิ้นชันและสารสกัดเหง้ากระชายดำแสดงฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัสสูง จึงนำสารสกัดจากพืชทั้ง 2 ชนิดนี้มาศึกษาผลต่อการตอบสนองเมื่อเกิดการติดเชื้อไวรัส พบว่าสารสกัดของพืชทั้งสองชนิดแสดงให้เห็นว่ามีฤทธิ์ต้านไวรัสที่เกิดขี้น ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส H5N1
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- ในคนทั่วไปก็ไม่ควรใช้ในขนาดสูงหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ตับเกิดความผิดปกติได้
- ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับตับจึงควรหลีกเลี่ยง
- เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
- ควรระวังการเกิดอันตรกิริยากับยาแผนปัจจุบัน เช่น ยา sildenafil (ยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ) เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น
- การศึกษาความเป็นพิษเรื้อรังของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20, 200, 1000 และ 2000 มก/กก./วัน พบว่าหนูที่ได้รับกระชายดำทุกกลุ่มมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และมีเม็ดเลือดขาวอิโอสิโนฟิลต่ำลง แต่ยังคงอยู่ในช่วงค่าปกติ ในหนูเพศเมียที่ได้รับกระชายดำขนาด 2,000 มก./กก./วัน มีระดับโคเลสเตอรอลสูงขึ้น แต่ไม่พบความเป็นพิษของกระชายดำเมื่อตรวจอวัยวะภายในโดยวิธีทางจุลพยาธิวิทยา
ข้อคิดก่อนรับประทาน
แม้จะมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองที่ระบุว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผลของการใช้กระชายดำในคน จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อความปลอดภัย
*กล้ามเนื้อเรียบ เป็นกล้ามเนื้อที่พบอยู่ตามอวัยวะภายในทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะย่อยอาหารและอวัยวะภายใน ต่างๆ เช่นผนังกระเพาะอาหาร ผนังลำไส้ ผนังหลอดเลือด และม่านตา เป็นต้น
แหล่งข้อมูล หนังสือการกำหนดพื้นที่ส่งเสริมการปลูกสมุนพร เพื่อใช้ในทางเภสัชกรรมไทยหน้า 4
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล https://pharmacy.mahidol.ac.th/ รวบรวมและเรียบเรียงโดยเซนเฮิร์บชอป