5 ประโยชน์ของขิง เครื่องเทศและสมุนไพร
ขิง (ginger) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Zingiber officinale Roscoe เป็นพืชวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) เป็นทั้งเครื่องเทศและสมุนไพร เป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดินลักษณะเป็นเหง้า แม้ว่าขิงจะมีกลิ่นฉุนและมีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากหลายคนนั้น แต่ขิงก็เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ทำอาหารและมีประโยชน์ทางการแพทย์มากมายหลายด้าน เพราะว่ามันอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น วิตามิน A,B1,B2,B3, C,เบต้าแคโรทีน, ธาตุเหล็ก, ธาตุแคลเซียม,ธาตุฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมีโปรตีน,คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยอาหารจำนวนมากด้วย
ขิง นั้นสามารนำมารับประทานได้ทุกส่วน เช่น ราก เหง้า ต้น ใบ ดอก และผลก็ได้ทั้งนั้น ขิงนั้นจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอดเลยทีเดียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และลดริ้วรอย, มีส่วนช่วยในการต่อต้านมะเร็ง, ขิงมีรสชาติเผ็ดรอ้น เมื่อทานเข้าไปแล้วจะช่วยในการขับเหงื่อได้ดี สามารถนำมาประกอบเป็นขนมหวานเช่นบัวลอยน้ำขิง
องค์ประกอบทางเคมี:
- ขิง มีน้ำมันหอมระเหย (essential oil) อยู่ประมาณ 1-3% ขึ้นอยู่กับวิธีปลูกและช่วงการเก็บรักษา ในน้ำมันประกอบด้วยสารเคมี ที่สำคัญคือ ซิงจิเบอรีน (zingiberene) ซิงจิเบอรอล (zingiberol) ไบซาโบลีo (bisabolene) และแคมฟีน (camphene)
- น้ำมัน (oleoresin) ในปริมาณสูง เป็นส่วนที่ทำให้ขิงมีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ด
ส่วนประกอบสำคัญ ในน้ำมันขิง ได้แก่ จินเจอรอล (gingerol) โชกาออล (shogaol) ซิงเจอโรน (zingerine)
ประโยชน์ทางยา
- เหง้าแก่สด ยาแก้อาเจียน ยาขมเจริญอาหาร ยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ บำรุงธาตุ สามารถต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียดได้ดี มีฤทธิ์ในการขับน้ำดี เพื่อย่อยอาหาร แก้ปากคอเปื่อย แก้ท้องผูก ลดความดันโลหิต
- ต้น ขับผายลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้คอเปื่อย ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ แก้โรคตา แก้บิด แก้ลมป่วง แก้ท้องร่วงอย่างแรง แก้อาเจียน
- ใบ รสเผ็ดร้อน บรรเทาอาการแก้ฟกช้ำจากการหกล้ม กระทบ กระแทก แก้โรคกำเดา ขับผายลม แก้นิ่ว แก้คอเปื่อย บำรุงไฟธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ แก้โรคตา ขับลมในลำไส้ แก้ขัดปัสสาวะ แก้โรคตา ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น เช่น มะขามแขก กานพลู ต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาระบายชนิดกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้บีบตัว
- ดอก รสฝาดร้อน ทำให้ชุ่มชื่น แก้โรคตาแฉะ ฆ่าพยาธิ ช่วยย่อยอาหาร แก้คอเปื่อย บำรุงไฟธาตุ แก้นิ่ว แก้เบาขัด แก้บิด แก้ขัดปัสสาวะ โรคประสาทซึ่งทำใจให้ขุ่นมัว
- ผล (เมล็ด) รสหวานเผ็ด รักษาอาการไข้ บำรุงน้ำนม บรรเทาอาการคอแห้ง เจ็บคอ แก้ตาฟาง เป็นยาอายุวัฒนะ, ใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น แก้หนองใน ตาต้อกระจก ตาฟาง ตามืด วิงเวียนศีรษะ โรคประสาทพิการ ปวดเอว การมีบุตรยากของสตรี
- ลำต้นเหนือดิน รสเผ็ดร้อน ขับลมลำไส้ แก้ท้องร่วง จุกเสียด
- เหง้า (ลำต้นใต้ดิน) รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้อาเจียน ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ แก้หอบ รักษาบิด และรักษาพิษจากปู ปลา นก เนื้อสัตว์อื่นๆ ต้มดื่มแก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยขยายหลอดเลือดใต้ผิวหนังทำให้เหงื่อออก ปรับอุณหภูมิในร่างกายให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ให้ปรุงกับสมุนไพรอื่นเป็นยาคุมธาตุได้ดี และช่วยย่อยอาหาร ใช้เหง้าสดโขลกผสมกระเทียม เกลือ มะนาว รับประทานขับน้ำคาวปลาในสตรีที่คลอดบุตรใหม่ และขับลม บรรเทาอาการปวดท้องเกร็ง ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันการเมารถเมาเรือได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน
- เปลือกเหง้า รสเผ็ดร้อน เปลือกเหง้าแห้งต้มน้ำดื่มเป็นยาขับปัสาวะ ขับลม รักษาอาการท้องอืด แน่นจุกเสียด อาการบวมน้ำ หรือใช้เป็นยาภายนอกทารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน และแผลมีหนอง
- ราก รสหวานเผ็ดร้อนขม ขับลม ฆ่าพยาธิ และเจริญอาหาร แก้เสมหะ แก้บิด แก้พรรดดึก บำรุงเสียงให้เพราะ ทำให้ผิวหนังสดชื่น แก้นิ่ว แก้ไอ รักษาบิดตกเป็นโลหิตสีขมิ้น
ประโยชน์ของขิง
- ลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย จิบชาน้ำขิง หรือรับประทานขิงสดจะทำให้คุณรู้ดีขึ้น เพราะขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อาการท้องอืดบรรเทาลงได้
- บรรเทาอาการไมเกรน จากการศึกษาพบว่า การรับประทานขิงตอนที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดจากอาการไมเกรนลดลงได้ เพราะขิงจะไปช่วยสกัดฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาอื่น แสดงให้เห็นอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีอาการลดลงเมื่อบริโภคขิงผงเป็นประจำทุกวัน
- ช่วยป้องกันมะเร็ง มีการศึกษาพบว่า ขิง ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งภายในรังไข่ตาย เพราะในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันมะเร็งได้ นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีขิงเป็นส่วนประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
- ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ชาวเอเชียนั้นมักจะใช้ขิงในการช่วยบรรเทาอาการเมารถ หรือเมาเรือ นอกจากนี้ ยังมีหลายการศึกษาพบว่า ขิงสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอาเจียนหลังจากการผ่าตัดและยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดได้อีกด้วย
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีการศึกษาพบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา เพราะขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ และควรติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด เพราะหากรับประทานขิงมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ระดับอินซูลินลดลงมากเกินไปจนอยู่ในขีดอันตรายได้
ประโยชน์ของขิงดอง
เราอาจจะเคยได้ยินกันมาว่าหมักดองไม่ดีกับสุขภาพ แต่ต้องขอยกเว้นไว้สำหรับขิงดอง แม้ขิงดองจะเป็นอาหารที่ผ่านการหมักด้วยน้ำส้มสายชู แต่เรื่องสรรพคุณและประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขิงสดๆ ซึ่งประโยชน์ของขิงดองมีดังนี้
- ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ และอาการแพ้ท้อง เนื่องจากขิงดองเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงอีกทั้งยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้กลายเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการเมาเรือ เมารถ และสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งมักจะมีอาการแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานเวลาที่รู้สึกคลื่นไส้ เพราะจะช่วยบรรเทาอาการได้ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง
- ล้างปากเวลารับประทานอาหาร เวลาไปรับประทานอาหารญี่ปุ่น เราจะพบขิงดองในจานด้วย นั้นเพราะขิงดองเหล่านั้นมีไว้รับประทานล้างปาก โดยส่วนใหญ่ในการรับประทานอาหารญี่ปุ่น จะรับประทานขิงดองตามเข้าไปหลังจากรับประทานอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารจานเดิมติดอยู่ในปากจนทำให้รู้สึกเลี่ยนและรับประทานจานต่อไปไม่ไหว อีกทั้งยังทำให้ลิ้มรสอาหารจานต่อไปได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
- โซเดียมต่ำ แม้ขิงดองจะมีรสจัด แต่น่าแปลกที่ขิงดองเป็นอาหารที่มีโซเดียมต่ำมากเมื่อเทียบกับอาหารหมักดองชนิดอื่นๆ เมื่อนำมารับประทานแล้วก็ทำให้ไม่ต้องกังวลกับปริมาณโซเดียม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกเยอะเลย
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา เพราะขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ และควรติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด เพราะหากรับประทานขิงมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ระดับอินซูลินลดลงมากเกินไปจนอยู่ในขีดอันตรายได้
- อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้ มีบางการศึกษาพบว่า ขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์และการแท้ง แต่ในการตั้งครรภ์รายอื่นๆ นั้นไม่พบว่าการรับประทานขิงจะทำให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้น คุณควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเอง
- ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้ ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถทำให้เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบ จนเป็นอาการร้อนในได้ ดังนั้น ไม่ควรรับประทานขิงมากจนเกินไป
- ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด การศึกษาหนึ่งในออสเตรเลีย พบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้น ถ้าหากคุณมีอาการเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขิง
ข้อคิดก่อนรับประทาน
หลายๆ คน ที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ก็คงจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นนะคะ เพราะบางทีถ้าหากเราใช้ขิงในการรักษาโรคหนึ่ง แต่ก็อาจจะไปช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการกำเริบได้ ดังนั้น ควรจะรับประทานขิงอย่างระมัดระวัง แต่ถ้าหากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์ดีกว่า
แหล่งข้อมูล ข้อมูลพืชสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร / เทคโนโลยีชาวบ้าน www.technologychaoban.com / https://garden-review.com/ รวบรวมและเรียบเรียงโดยเซนเฮิร์บชอป
ใส่ความเห็น